มาถึงบทสรุปคำสัมภาษณ์ของพระมหาพงศ์นรินทร์
ฐิตวํโส ของคนเขียนบล็อก “พระมหาพงศ์นรินทร์
พูดถึงคำสอนที่บิดเบือนของวัดธรรมกาย”
คำสรุปก็ตามภาพด้านบน
แต่เราจะวิพากษ์วิจารณ์เฉพาะข้อความนี้
วัดธรรมกายสอนสาวกว่า นิพพานเป็นอัตตา
มีตัวตน หมายถึงเป็นสถานที่ที่ สวยงามดั่งแก้ว แต่ความจริงที่ถูกต้อง
นิพพานเป็นอนัตตา
|
ก่อนอื่นเลย
ผมต้องขอบอกก่อนว่า ใครก็ตามที่เชื่อว่า “นิพพานเป็นอนัตตา” นั้น โคตรโง่งี่เง่าสมองหมาปัญญาควายสุดๆ
อย่างไม่รู้จะบรรยายได้อย่างไร
คนจำพวกนี้
มันสมองส่วนคิด มันไม่เคยใช้กันเลย ใครพูดอะไรมา มันพอใจ มันก็เชื่อ คำอธิบายง่ายที่สุดเลย ก็ดูตารางด้านล่างนี้
1-
|
ขันธ์
5
|
เป็น
|
อนิจจัง
|
ทุกขัง
|
อนัตตา
|
2-
|
นิพพาน
|
เป็น
|
นิจจัง
|
สุขขัง
|
อัตตา
|
3-
|
นิพพาน
|
เป็น
|
นิจจัง
|
สุขขัง
|
อนัตตา
|
ในข้อความทั้ง
3 ข้อนั้น ผมแบ่งพื้นสีออกเป็น 2 สี
ข้อความในพื้นสีเขียวนั้น และส่วนหนึ่งของสีเหลือง กล่าวคือ
1-
|
ขันธ์
5
|
เป็น
|
อนิจจัง
|
ทุกขัง
|
อนัตตา
|
2-
|
นิพพาน
|
เป็น
|
นิจจัง
|
สุขขัง
|
|
3-
|
นิพพาน
|
เป็น
|
นิจจัง
|
สุขขัง
|
“ถูกต้อง” ไม่มีใครมาแย้งประเด็นนี้
ทุกฝ่ายที่เข้ามาเถียงกันเรื่องนิพพานอัตตาหรืออนัตตา ยอมรับกันทั้งหมด
ขอย้ำให้คิดกันว่า
ข้อความ 2 ชุดนี้ มันเป็นคำตรงข้ามกันนะครับ ขอให้จำไว้ให้ดี
อนิจจัง
|
ทุกขัง
|
อนัตตา
|
นิจจัง
|
สุขขัง
|
อัตตา
|
ดังนั้น นิพพานจะเป็น นิจจัง
สุขขัง อนัตตา ไปได้อย่างไร เพราะความหมายมันขัดกัน นิพพานเป็น นิจจัง
สุขขัง ด้วย และเป็น “อนัตตา” ด้วยมันเป็นไปไม่ได้ในทางภาษาศาสตร์
ดังนั้น
พวกที่เสนอว่า “นิพพานเป็นอนัตตา” นั้น จึงมักจะไม่กล่าวถึง
“นิพพานเป็นนิจจัง สุขัง”
พวกนี้จะมั่วไปด้วยเหตุผลอื่นๆ
ส่วนใหญ่เป็นเหตุผลสมองหมา ปัญญาควายทั้งสิ้น
เป็นเหตุผลวิบัติทั้งสิ้น
ขอให้ดูตัวอย่างข้อเขียนของพวก
“นิพพานเป็นอนัตตา” อีกคนหนึ่ง
ซึ่งไปลอกความคิดคนอื่นมาใส่งายวิจัยของตัวเอง คือ พระมหาสมจินต์ สมฺมาปญฺโญ
(2546) ซึ่งเอางานวิจัยมาเขียนเป็นบทความ 'นิพพาน
: อัตตาหรือ อนัตตา ?''
เนื้อหาที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันก็คือ
ส่วนนี้
คัมภีร์พระพุทธศาสนาโดยเฉพาะของฝ่ายเถรวาท
บอกไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า "นิพพานเป็นอนัตตา" เช่น
ในคัมภีร์พระวินัยปิฎก ปริวารบอกว่า "สังขารทั้งปวงอันปัจจัยปรุงแต่ง
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา นิพพานและบัญญัติเป็นอนัตตา
วินิจฉัยมีดังนี้"
ในคัมภีร์พระสุตตันตปิฎก
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรคบอกว่า "สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา"
และในคัมภีร์พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาตบอกว่า
"สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์
ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา" ซึ่ง "ธรรม"
ในที่นี้พระอรรถกถาจารย์อธิบายต่อว่า "หมายรวมถึงนิพพานด้วย"
นอกจากนี้
ยังมีข้อความในคัมภีร์พระไตรปิฎกอีกหลายแห่งทั้งที่ระบุโดยตรงและโดยอ้อมที่มีนัยบอกว่า
"นิพพานเป็นอนัตตา"
คำว่า
"อนัตตา" มีความหมายระดับปรมัตถ์ มีนัยที่ต้องไขความต่ออีก
โดยเฉพาะในคัมภีร์ชั้นหลังก็จะบอกว่า
"ที่ชื่อว่าเป็นอนัตตา
เพราะเกิดขึ้นจากองค์ประกอบต่าง ๆ มาประชุมกัน ไม่มีตัวตนที่เป็นแก่นเป็นแกนอยู่
ไม่มีตัวตนที่คงที่ ไม่มีผู้สร้าง ไม่มีผู้เสวย ไม่มีอำนาจในตัวเอง
บังคับให้เป็นไปในอำนาจไม่ได้ แย้งต่ออัตตา"
|
ขอให้ดูข้อความสีแดงที่ว่า
“ไม่อยู่ในอำนาจ คือไม่อยู่ในบัญชาของใคร
ใครบังคับไม่ได้ เช่นบังคับมิให้แก่ไม่ได้”
ข้อความดังกล่าวนั้น เอามาจากลักษณะของขันธ์ 5 ที่ว่า ขันธ์ 5 นั้น
“ไม่อยู่ในอำนาจ คือไม่อยู่ในบัญชาของใคร
ใครบังคับไม่ได้ เช่นบังคับมิให้แก่ไม่ได้” ดังนั้น ขันธ์ 5
จึงเป็นอนัตตา
พวกสมองหมาปัญญาควายโง่แบบเกินบรรยายนี้
เมื่อต้องการจะหาหลักฐานมายืนยันว่า “นิพพานเป็นอนัตตา”
ก็ไปเอาข้อความนั้นมาอ้างว่า
“นิพพานก็บังคับไม่ได้”
ดังนั้น นิพพานเป็นอนัตตา
อย่างนี้มันบ้าแล้ว ดันทุลังแบบกู่ไม่กลับแล้ว
มันผิดหลักตรรกวิทยาอย่างไม่รู้จะบรรยายอย่างไร
บอกตรงๆ ไม่รู้จะบรรยายความโง่สารพัดโง่ของบุคคลพวกนี้อย่างไร
คนจำพวกนี้
ตายห่าไปแล้ว ตกนรกไม่เหลือแม้แต่คนเดียว อยู่ในผ้าเหลืองก็ทำลายศาสนา
ตกนรกก็สมควรกับความเลวระยำจังไรของพวกมันแล้ว