บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

นิพพานเป็นอัตตา มันผิดตรงไหน


เรามาวิพากษ์วิจารณ์ มหาพงศ์นรินทร์กันต่อ  ขอย้ำก่อนว่า ข้อมูลเอามาจากบทความของบล็อก ชื่อ “พระมหาพงศ์นรินทร์ พูดถึงคำสอนที่บิดเบือนของวัดธรรมกาย” 

นอกจากนั้น แล้วผมยังยืนยันอีกว่า มหาพงศ์นรินทร์นี้ ไม่ได้รู้เรื่องของศาสนาอะไรนัก พวกอ่านมา จำได้ แล้วก็ “พ่น” ออกไป แบบไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง

ยิ่งวิชาธรรมกายแล้ว  มหาพงศ์นรินทร์ไม่น่าจะมีความรู้ “ลึก” ที่จะทำให้สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างถูกต้อง และมีเหตุมีผล

ข้อความที่ว่า

เวลานั่งกรรมฐานให้มองลูกแก้วให้เห็นจนชินตา เพื่อเอามาเป็นอารมณ์สมาธิตอนต้น กรรมฐานแนวนี้ มีก่อนพุทธศาสนาเกิด ต่างจากรรมฐานสี่สิบกอง ซึ่งไม่มีตัวตน เมื่อการปฏิบัติเป็นเช่นไร ผลก็เป็นเช่นนั้น

เมื่ออ่านข้อความนี้แล้ว  ต้องขอย้ำข้อเขียนที่เขียนไปแล้ว อีกสักครั้งหนึ่ง คือ

มหาพงศ์นรินทร์นี่ เป็นมหามาได้อย่างไร

ข้อความข้างต้นมันน่าจะเป็นข้อเขียนของคนที่ไม่มีความรู้ แล้วเมายาบ้าด้วย จึงเถียงออกมาแบบบ้าๆ บอๆ  แบบหาเหตุผลไม่ได้

ผมไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนว่า การให้นึกนิมิตเป็นดวงใสมีมาก่อนพระพุทธศาสนา  ยังไม่เคยอ่านพบจากหนังสือเล่มไหน 

อย่างไรก็ดี  สมมุติว่า การนึกนิมิตให้เห็นดวงใสแบบที่วิชาธรรมกายสอนนั้น มีมาก่อนศาสนาพุทธจริงๆ  แล้วมันผิดตรงไหน และผิดอย่างไร

สิ่งที่มีมาก่อนศาสนาพุทธนั้น ในพระไตรปิฎกมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นความจริง พระพุทธองค์ก็ทรงรับมาสอน  เช่น นรก สวรรค์ เป็นต้น

คำสอนเรื่องนรก-สวรรค์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูของศาสนาพุทธคล้ายกันมาก พูดง่ายก็คือ ศาสนาพุทธรับมาจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แต่ก็มีความแตกต่างกันบ้าง หลักการคล้ายกัน

อย่างนั้น เราต้องตัดเรื่องนรก-สวรรค์ออกไปเลยหรือไง

ที่สำคัญเลยก็คือ “ศีล 5”  ศีล 5 นี่มีมาก่อนศาสนาพุทธแน่ๆ อ่านหนังสือพบหลายครั้งแล้ว พระพุทธองค์ก็ทรงรับเข้ามาในศาสนาพุทธ

นี่ถ้าเอาตามหลักการของมหาพงศ์นรินทร์ เราก็คงเลิกนับถือศีล 5 

ข้อความที่ผิดเต็มๆ ก็คือ ข้อความนี้  “ต่างจากรรมฐานสี่สิบกอง”  ตรงนี้ผมถึงกล้าฟันธงว่า มหาพงศ์นรินทร์ไม่เคยปฏิบัติธรรม และไม่มีความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรมแบบวิชาธรรมกายนั้น  เป็นอาโลกสิน เป็นอานาปานสติ และเป็นพุทธานุสสติ เข้าหลักของกรรมฐาน 40 ไปถึง 3 กอง

ข้อความต่อไปที่ว่า

การเอาตัวตนเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เป็นที่มาของการที่ธรรมกายเขาอธิบายว่า นิพพานเป็นอัตตา หรือการใช้คำประโลมโลกจำพวก รวยโคตรๆ นี่เป็นคำกระตุ้นกิเลสตลอดเวลา ทำไมเขาไม่รู้สึกอายที่จะเล่นกับความละโมบของตัวเอง เราไม่ได้บอกว่า เขาถูกหรือผิด แต่ไม่ตรงตามหลักการเดิมของศาสนา

สำหรับข้อความที่วิพากษ์วิจารณ์ธัมมชโยนั้น  ถือว่าเป็นความจริงตามนั้น ผมด่าธัมมชโยแรงกว่ามหาพงศ์นรินทร์ไม่รู้กี่เท่า

เรามาวิพากษ์วิจารณ์ข้อความที่ว่า “เขาอธิบายว่า นิพพานเป็นอัตตา” กัน เพราะ เป็นเรื่องสำคัญ

ผมขอประกาศไปก่อนเลยว่า ถ้าเราไปตั้งคำถามกับพวกสมองหมา ปัญญาควายพวกนี้ว่า “นิพพานเป็นอัตตา” มันผิดตรงไหน อย่างไร

รับรองพวกสมองหมา ปัญญาควายพวกนี้อธิบายไม่ได้แม้แต่คนเดียว  ถึงแม้จะเป็นพระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฎก/พระประยุทธ์ ซึ่งเป็นต้นฉบับการโจมตีแบบนี้เองก็ตาม

คำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น สามารถตีความไปได้ว่า “นิพพานเป็นนิจจัง-สุขัง-อัตตา” ซึ่งเป็นการอธิบายที่ถูกต้องตรงเผงแล้ว ไม่ผิดอะไรเลย

คำว่า “นิจจัง-สุขัง-อัตตา” เป็นคำคุณศัพท์ ที่บรรยายสภาพของนิพพาน  ก็ถูกต้องตามพระไตรปิฎกอยู่แล้ว 

ข้อความที่ว่า “นิพพานเป็นนิจจัง-สุขัง” ทุกคนยอมรับหมด แม้กระทั่งพระประยุทธ์ก็ยอมรับ

ความไม่ชอบมาพากลของพระประยุทธ์ก็คือ  ไปหยิบเอาคำว่า “อัตตา” มาแปลใหม่ ให้ไปตรงกับคำว่า “อัตตตา” ซึ่งเป็นคำนาม

อันที่จริงมันก็ไม่น่าจะผิดพลาดกันมาก ซึ่งในทางภาษาศาสตร์จริงๆ ความหมายมันก็ไม่ต่างกันมากนัก ถ้าตีความด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ต้องขออธิบายความหมายของคำว่า “อัตตตา” ซึ่งเป็นคำนามกันก่อน 

ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเขาเชื่อว่า ในร่างกายเรามี “อัตตตา” ตัวเล็กๆ อยู่  เจ้า “อัตตตา” ตัวนี้ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร  เมื่อตายไปแล้ว ก็ไปหาร่างกายใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนั้น

เมื่อสร้างบารมีครบแล้ว “อัตตตา” ก็จะเข้าไปอยู่กับมหาพรหมัณ ซึ่งเป็น “อัตตตาใหญ่

ความเชื่อดังกล่าว มันขัดกับหลัก “อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา” ของศาสนาพุทธ

จะเห็นว่า  การที่พระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฎก/พระประยุทธ์เปลี่ยนความหมายของคำ “อัตตา” ของหลวงพ่อวัดปากน้ำให้ผิดๆ

แล้วเอามาโจมตีหลวงพ่อวัดปากน้ำ จึงเป็นเรื่องที่พระดีๆ เขาไม่ควรจะทำกัน






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น