หลวงพ่อวัดปากน้ำกล่าวว่า
วิชาธรรมกายเป็นวิชาที่พระพุทธองค์ทรงใช้สอนในกายเผยแพร่ศาสนาในยุคของท่าน
และวิชาธรรมกาย หายไปเพราะไม่มีใครปฏิบัติได้ มาตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 500
ในการพิสูจน์ว่า
คำกล่าวของหลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นจริงหรือไม่นั้น วิธีการหนึ่งก็คือ ค้นหาว่า
มีคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับวิชาธรรมกายในพระไตรปิฎกหรือไม่อย่างไร
นี่คือ
ตัวอย่างของคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับวิชาธรรมกายที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก [ข้อมูลและคำแปลนำมาจาก http://www.dhammakaya.org/ธรรมปฏิบัติ/ธรรมกาย/หลักฐานในคัมภีร์ ]
1)
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า พระองค์เป็นธรรมกาย
|
"ตถาคตสฺส เหตํ วาเสฏฺฐา อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปิ พฺรหฺมกาโย อิติปิ ธมฺมภูโต อิติปิ พฺรหฺมภูโต อิติปิ"
"วาเสฏฐะและภารทวาชะ คำว่า ธรรมกาย ก็ดี พรหมกาย ก็ดี ธรรมภูต ก็ดี พรหมภูต ก็ดี เป็นชื่อของตถาคต" (ที.ปา.11/55/92)
|
ขออธิบายในแง่ภาษาศาสตร์เล็กน้อย
ในการเผยแพร่ศาสนาของพระพุทธองค์นั้น
ต้องเผยแพร่ในอิทธิพลของศาสนาพรามหณ์-ฮินดู เนื่องจากศาสนาศาสนาพรามหณ์-ฮินดูเป็นศาสนาดังเดิมในพื้นที่นั้น
ดังนั้น
คำศัพท์ที่ใช้ในการเผยแพร่นั้น บางทีต้องใช้คำศัพท์เดิมของศาสนาพรามหณ์-ฮินดูเข้ามาอธิบายบ้าง ไม่งั้นคนเรียนก็จะไม่รู้เรื่อง
อีกประการหนึ่งก็คือ
ภาษาในเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ในการเผยแพร่ศาสนาก็ต้องมีคำศัพท์เป็นจำนวนมาก
ในการอธิบาย “สิ่งเดียว” ไปด้วย
2)
พระแม่น้า มหาปชาบดีโคตมี ผู้เป็นพระอรหันต์ แสดงว่าตนเป็นธรรมกาย
|
อหํ สุคต เต มาตา
|
ตุวํ ธีร ปิตา มม
|
|
สทฺธมฺมสุขโท
นาถ
|
ตยา
ชาตมฺหิ โคตม.
|
|
สํวทฺธิโตยํ
สุคต
|
รูปกาโย
มยา ตว
|
|
อานนฺทิโย
ธมฺมกาโย
|
มม
สํวทฺธิโต ตยา.
|
|
มุหุตฺตํ
ตณฺหาสมนํ
|
ขีรํ
ตฺวํ ปายิโต มยา
|
|
ตยาหํ
สนฺตมจฺจนฺตํ
|
ธมฺมขีรมฺปิ
ปายิตา.
|
|
พนฺธนารกฺขเน
มยฺหํ
|
อนโณ
ตฺวํ มหามุเน.
|
|
ข้าแต่พระสุคตเจ้า
หม่อมฉันเป็นมารดาของพระองค์
ข้าแต่พระธีรเจ้า
พระองค์เป็นพระบิดาของหม่อมฉัน
ข้าแต่พระโลกนาถ
พระองค์เป็นผู้ประทานความสุขอันเกิดจากพระสัทธรรมให้หม่อมฉัน
ข้าแต่พระโคดม
หม่อมฉันเป็นผู้อันพระองค์ให้เกิด.
ข้าแต่พระสุคตเจ้า
รูปกายของพระองค์นี้ อันหม่อมฉันทำให้เจริญเติบโต.
ธรรมกาย อันน่าเพลิดเพลินของหม่อมฉัน
อันพระองค์ทำให้เจริญเติบโตแล้ว.
หม่อมฉันให้พระองค์ดูดดื่มน้ำนมอันระงับเสียได้ซึ่งความอยากชั่วครู่
แม้น้ำนมคือพระสัทธรรมอันสงบระงับล่วงส่วน
พระองค์ก็ให้หม่อมฉันดูดดื่มแล้ว.
ข้าแต่พระมหามุนี
ในการผูกมัดและรักษา พระองค์ชื่อว่ามิได้เป็นหนี้หม่อมฉัน." (ขุ.อป.33/153/284)
|
ในกรณีนี้
พระพุทธองค์ทรงสอนพระนางมหาปชาบดีโคตรมีจนเห็นกายธรรม และเป็นธรรมกาย
3)
พระสรภังคเถระ ผู้เป็นพระอรหันต์ กล่าวถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
ว่า ทรงอุบัติเป็นธรรมกาย ผู้คงที่
|
เมื่อก่อนเราผู้ชื่อว่าสรภังคะ
ไม่เคยได้เห็นโรคคืออุปาทานขันธ์ 5 ได้ครบบริบูรณ์ทั้งสิ้น.
โรคนั้นอันเราผู้ทำตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
ได้เห็นแล้ว.
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า
พระวิปัสสี พระสิขี พระเวสสภู พระกกุสันโธ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ
ได้เสด็จไปแล้วโดยทางใดแล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคดมก็ได้เสด็จไปแล้วโดยทางนั้น.
พระพุทธเจ้า
7 พระองค์นี้ ทรงปราศจากตัณหา ไม่ทรงถือมั่น ทรงหยั่งถึงความสิ้นกิเลส
เสด็จอุบัติแท้โดย ธรรมกาย ผู้คงที่
ทรงเอ็นดูอนุเคราะห์สัตว์ทั้งหลาย
ได้ทรงแสดงธรรม คือ อริยสัจ 4 อันได้แก่ ทุกข์ เหตุเกิดทุกข์
ความดับทุกข์ ทางเป็นที่สิ้นทุกข์ เป็นทางไม่เป็นไปแห่งทุกข์
อันไม่มีที่สุดในสงสาร เพราะกายนี้แตก และเพราะความสิ้นชีวิตนี้
การเกิดในภพใหม่อย่างอื่นมิได้มี.
เราเป็นผู้หลุดพ้นแล้วจากสรรพกิเลสและภพทั้งปวง."
|
ขันธ์
5 นั้น ไม่คงที่ แต่เมื่อเป็นธรรมกายแล้ว ขันธ์ 5 จะกลายเป็น “ธรรมขันธ์” ซึ่งคงที่
ไม่ตกอยู่ในพระไตรลักษณ์คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทุกพระองค์
ต้องเป็นธรรมกาย จึงจะเป็นนิพพานได้
4)
ตรัสว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย มีธรรมกายมาก ได้ตรัสแก่พระอานนท์เวเทหมุนี
ซึ่งได้ทูลถามพระผู้มีพระภาค เมื่อประทับอยู่ในวิหารเชตวันว่า
|
ได้ทราบว่า
พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้ามีจริงหรือ เพราะเหตุไร ท่านเหล่านั้นจึงได้เป็นพระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้เป็นปราชญ์ ?"
ว่า
"วิสุทฺธสีลา ... มหนฺตธมฺมา พหุธมฺมกายา
..."
"นักปราชญ์เหล่าใด มีศีลบริสุทธิ์ มีปัญญาหมดจดดี มีจิตตั้งมั่น ประกอบความเพียร เจริญวิปัสสนา... ไม่บรรลุความเป็นสาวกในพระศาสนาของพระชินเจ้า
(นักปราชญ์เหล่านั้นย่อมเป็นสยัมภูปัจเจกชินเจ้า)
มีธรรมใหญ่ มีธรรมกายมาก..." (ขุ.อป.32/2/20)
|
กายธรรมหรือธรรมกายนั้น
ตามหลักวิชา 18 กายมี 10 กายคือ กายธรรมโคตรภู (หยาบ-ละเอียด), กายธรรมพระโสดา (หยาบ-ละเอียด), กายธรรมพระสกิทาคามี
(หยาบ-ละเอียด)}
กายธรรมพระอนาคามี (หยาบ-ละเอียด) และกายธรรมพระอรหัต
(หยาบ-ละเอียด)
แต่กายธรรมต่างๆ
เหล่านั้น แต่ละกายก็ยังกายธรรมที่หยาบ-ละเอียดอีกอย่างไม่สิ้นสุด คือ นับไม่ถ้วนเลย
สำหรับการพิสูจน์คำกล่าวของหลวงพ่อวัดปากน้ำเกี่ยวกับวิชาธรรมกายอีกประการหนึ่ง
และสำคัญที่สุดก็คือ การใช้วิชาธรรมกายอธิบาย “ข้อความ” ในพระไตรปิฎกที่เป็นปัญหา
และไม่มีใครเข้าใจ
ในเมื่อวิชาธรรมกาย
“อธิบาย” ประเด็นดังกล่าวได้ แต่นักปริยัติหรือสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ
ไม่สามารถอธิบายได้ ก็แสดงว่า คำกล่าวของหลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นจริง
วิชาธรรมกายนั้น
พระพุทธองค์ทรงใช้เผยแพร่ศาสนาในช่วงที่พระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่จริง
ซึ่งผมจะได้นำมาเสนอต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น