บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ธรรมกายคือ กองแห่งธรรม


“ธุดงค์ธัมมชัย” ของสมีเควี่ยธัมมชโยที่เอาพระมาเดินหาเงินในเมือง ทำให้รถติดกันฉิบหายวายป่วง  และเสียงก่นด่าของคนที่เดือดร้อนก็กระหึ่มขึ้นมา

สาวกสมองหมา ปัญญาควายไม่ว่าผมดำ ไม่มีผม ก็ออกมาแก้ตัวอย่างสมองหมา ปัญญาควาย จนทำให้เกิดการเสวนา “กึ่งพุทธกาลกับมารศาสนา” ขึ้น เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2558 ที่มหาวิทยาลัยเก่าของผมเก่า  คือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

วันนี้ เอาคำสัมภาษณ์ของพระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตวํโสมาวิพากษ์วิจารณ์กัน ข้อมูลเอามาจากบทความของบล็อก ชื่อ “พระมหาพงศ์นรินทร์ พูดถึงคำสอนที่บิดเบือนของวัดธรรมกาย”  

ตรงนี้ ผมขอบอกไปก่อนเลยว่า มหาพงศ์นรินทร์นี้ ไม่ได้รู้เรื่องของศาสนาอะไรนัก พวกอ่านมา จำได้ แล้วก็ “พ่น” ออกไป แบบไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง

ยิ่งวิชาธรรมกายแล้ว  มหาพงศ์นรินทร์ไม่น่าจะมีความรู้ “ลึก” ที่จะทำให้สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างถูกต้อง และมีเหตุมีผล

ดูคำวิพากษ์วิจารณ์ของพระรูปนี้กันเลย




ข้อความที่ว่า

ธรรมกายเป็นคำเดิมในพระไตรปิฎก แปลว่า กองแห่งธรรม แต่ธรรมกายเอาไปอธิบายความหมายใหม่ เป็นองค์นิมิตที่ไปปฏิบัติกรรมฐาน ความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง

วิพากษ์วิจารณ์ข้อความนี้ก่อน “ธรรมกายเป็นคำเดิมในพระไตรปิฎก แปลว่า กองแห่งธรรม

ตรงนี้ มหาพงศ์นรินทร์ก็แสดงความฉลาดน้อย แบบไม่รู้ออกมาชัดเจน  คือ ไปอ่านของเขามา แล้วก็บอกต่อไป โดยไม่รู้จริง

ผมขอยกตัวอย่างต้นฉบับที่คนชอบเอาไปอ้างต่อเลย คือ จากหนังสือพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ /พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

ธรรมกาย

1. “ผู้มีธรรมเป็นกาย” เป็นพระนามอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า (ตามความในอัคคัญญสูตร แห่งทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค) หมายความว่า พระองค์ทรงคิดพุทธพจน์คำสอนด้วยพระหทัยแล้วทรงนำออกเผยแพร่ด้วยพระวาจา เป็นเหตุให้พระองค์ก็คือพระธรรม เพราะทรงเป็นแหล่งที่ประมวลหรือที่ประชุมอยู่แห่งธรรมอันปรากฏเปิดเผยออกมาแก่ชาวโลก; พรหมกาย หรือ พรหมภูต ก็เรียก;

2. “กองธรรม” หรือ “ชุมนุมแห่งธรรม” ธรรมกายย่อมเจริญงอกงามเติบขยายขึ้นได้โดยลำดับจนไพบูลย์ ในบุคคลผู้เมื่อได้สดับคำสอนของพระองค์ แล้วฝึกอบรมตนด้วยไตรสิกขาเจริญมรรคให้บรรลุภูมิแห่งอริยชน

ขอให้ผู้อ่านเข้าใจก่อนว่า พระพรหมคุณาภรณ์ /พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เกลียดวิชาธรรมกายสุดๆ  คำอธิบายทั้งหลายที่เกี่ยวกับวิชาธรรมกาย พระรูปนี้ ถ้าบิดเบือนได้ จะบิดเบือนทันที

จะเห็นว่า ขนาดพระพรหมคุณาภรณ์ /พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ยังให้ความหมายของคำว่า “ธรรมกาย” ไว้ 2 แบบ  แบบแรกก็คือ “เป็นพระนามอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า

ผมอยากจะรู้ว่า มหาพงศ์นรินทร์นี่ตาบอด หรือโง่ ที่ไม่รู้ว่า ความหมายของธรรมกายนั้น ที่ตรงๆ เลยก็คือ “เป็นพระนามอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า

ต่อไปดูหลักฐานจากในคัมภีร์บ้าง

"ตถาคตสฺส เหตํ วาเสฏฺฐา อธิวจนํ  ธมฺมกาโย อิติปิ พฺรหฺมกาโย อิติปิ  ธมฺมภูโต อิติปิ  พฺรหฺมภูโต อิติปิ"

"วาเสฏฐะและภารทวาชะ  คำว่า ธรรมกาย ก็ดี  พรหมกาย ก็ดี  ธรรมภูต ก็ดี  พรหมภูต ก็ดี เป็นชื่อของตถาคต" (ที.ปา.11/55/92)

หลักฐานตรงนี้  ผมสงสัยจริงๆ ว่า มหาพงศ์นรินทร์นี่ตาบอด หรือโง่จริง

ข้อความข้างต้นนั้น  ลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำนำมาเผยแพร่ไม่รู้ว่า กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง  มหาพงศ์นรินทร์ไม่เคยพบ ไม่เคยเจอเลยหรือ

หลักฐานเกี่ยวกับคำว่า “ธรรมกาย” ในคัมภีร์ยังมีอีก สนใจไปอ่านที่ได้บล็อก  “หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์

ต่อไปคือ ข้อความที่ว่า “แต่ธรรมกายเอาไปอธิบายความหมายใหม่ เป็นองค์นิมิตที่ไปปฏิบัติกรรมฐาน ความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ตรงนี้ มหาพงศ์นรินทร์ ก็ไม่รู้จริงอีก  เพราะ ในการปฏิบัติธรรมวิชาธรรมกายนั้น กายธรรมนั้น มีจริงๆ  ไม่ใช่แค่ “นิมิต” แต่เพียงอย่างเดียว

แล้ว “นิมิต” นั้น เราจะไม่เรียกธรรมกายหรือกายธรรม แต่เราจะเรียกเป็น “องค์พระ” เท่านั้น คือในการนำพระมาเป็นนิมิตนั้น เป็นพระอะไรก็ได้

ไม่จำเป็นจะต้องเป็นธรรมกาย หรือกายธรรมแต่เพียงอย่างเดียว

จะเห็นว่า แค่ชื่อของ “ธรรมกาย” มหาพงศ์นรินทร์ก็ผิดจนสุดกู่ไปแล้ว  แสดงความโง่ไปแล้ว  เมื่อความโง่ออกสู่สาธารณชนอย่างนี้ แก้ชื่อเสียงยาก

ในเรื่องนี้ มหาพงศ์นรินทร์พลาดเอง ที่อยากดังด้วยการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น แต่ “ขี้เกียจอ่าน”, “ขี้เกียจค้นคว้า”  มันก็ได้แต่แสดงความโง่ออกมาเท่านั้น

ผมขอยกตัวอย่างของผมเอง 

1- ผมเริ่มถกเถียงกับคนในเรื่องศาสนานั้น ตอนผมเรียนอยู่ที่อังกฤษ คือ เวลาว่างมันมาก ข้างๆ ก็มีแต่คนต่างชาติ อังกฤษบ้าง ลาวบ้าง แขกบ้าง อาหรับบ้าง อาฟริกาบ้าง  ผมจึงเข้าไปแสดงความคิดเห็นในห้องศาสนา เว็บพันธุ์ทิพย์

ตอนนั้น ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์พระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฎก/พระประยุทธ์เลย เพราะ ผมอ่านหนังสือของท่านน้อยมาก  ผมจะพูดเป็นกลางๆ ไว้ก่อน เข้าข้างเป็นบ้างเวลา ว่าอย่างนั้นเถอะ

เมื่อผมรู้ว่า พระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฎก/พระประยุทธ์ “โจมตี” วิชาธรรมกาย ผมต้องใช้เวลาอ่านหนังสือของพระรูปดังกล่าวเป็นปีๆ  เมื่อรู้ว่า "รู้" ดีแล้ว "เข้าใจ" ดีแล้ว ผมจึงกล้าวิพากษ์วิจารณ์

2- สายยุบหนอพองหนอก็เช่นเดียวกัน   ผมใช้เวลาอ่านหนังสือของสายนี้ประมาณ 6 ปี จึงกล้าวิพากษ์วิจารณ์ 

ที่ใช้เวลานานก็เป็นเพราะ เป็นสายปฏิบัติธรรมด้วยกัน มันมีทั้งผิด ทั้งถูก ในกรณีของพระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฎก/พระประยุทธ์ ท่านเชื่อวิทยาศาสตร์ การศึกษามันจึงง่ายกว่า






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น