บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

นิพพานเป็นอนัตตามันถูกตรงไหน



มาถึงบทสรุปคำสัมภาษณ์ของพระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตวํโส ของคนเขียนบล็อก “พระมหาพงศ์นรินทร์ พูดถึงคำสอนที่บิดเบือนของวัดธรรมกาย” 

คำสรุปก็ตามภาพด้านบน แต่เราจะวิพากษ์วิจารณ์เฉพาะข้อความนี้

วัดธรรมกายสอนสาวกว่า นิพพานเป็นอัตตา มีตัวตน หมายถึงเป็นสถานที่ที่ สวยงามดั่งแก้ว แต่ความจริงที่ถูกต้อง นิพพานเป็นอนัตตา

ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอบอกก่อนว่า  ใครก็ตามที่เชื่อว่า “นิพพานเป็นอนัตตา” นั้น โคตรโง่งี่เง่าสมองหมาปัญญาควายสุดๆ อย่างไม่รู้จะบรรยายได้อย่างไร

คนจำพวกนี้ มันสมองส่วนคิด มันไม่เคยใช้กันเลย ใครพูดอะไรมา มันพอใจ มันก็เชื่อ  คำอธิบายง่ายที่สุดเลย ก็ดูตารางด้านล่างนี้

1-
ขันธ์ 5
เป็น
อนิจจัง
ทุกขัง
อนัตตา
2-
นิพพาน
เป็น
นิจจัง
สุขขัง
อัตตา






3-
นิพพาน
เป็น
นิจจัง
สุขขัง
อนัตตา

ในข้อความทั้ง 3 ข้อนั้น ผมแบ่งพื้นสีออกเป็น 2 สี  ข้อความในพื้นสีเขียวนั้น และส่วนหนึ่งของสีเหลือง  กล่าวคือ

1-
ขันธ์ 5
เป็น
อนิจจัง
ทุกขัง
อนัตตา
2-
นิพพาน
เป็น
นิจจัง
สุขขัง







3-
นิพพาน
เป็น
นิจจัง
สุขขัง


 “ถูกต้อง” ไม่มีใครมาแย้งประเด็นนี้ ทุกฝ่ายที่เข้ามาเถียงกันเรื่องนิพพานอัตตาหรืออนัตตา ยอมรับกันทั้งหมด

ขอย้ำให้คิดกันว่า ข้อความ 2 ชุดนี้ มันเป็นคำตรงข้ามกันนะครับ ขอให้จำไว้ให้ดี

อนิจจัง
ทุกขัง
อนัตตา
นิจจัง
สุขขัง
อัตตา

ดังนั้น  นิพพานจะเป็น นิจจัง สุขขัง อนัตตา ไปได้อย่างไร เพราะความหมายมันขัดกัน  นิพพานเป็น นิจจัง สุขขัง ด้วย  และเป็น “อนัตตา” ด้วยมันเป็นไปไม่ได้ในทางภาษาศาสตร์

ดังนั้น พวกที่เสนอว่า นิพพานเป็นอนัตตา”  นั้น จึงมักจะไม่กล่าวถึง “นิพพานเป็นนิจจัง สุขัง”

พวกนี้จะมั่วไปด้วยเหตุผลอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นเหตุผลสมองหมา ปัญญาควายทั้งสิ้น  เป็นเหตุผลวิบัติทั้งสิ้น

ขอให้ดูตัวอย่างข้อเขียนของพวก นิพพานเป็นอนัตตาอีกคนหนึ่ง ซึ่งไปลอกความคิดคนอื่นมาใส่งายวิจัยของตัวเอง คือ พระมหาสมจินต์ สมฺมาปญฺโญ (2546) ซึ่งเอางานวิจัยมาเขียนเป็นบทความ 'นิพพาน : อัตตาหรือ อนัตตา ?''

เนื้อหาที่จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันก็คือ ส่วนนี้

คัมภีร์พระพุทธศาสนาโดยเฉพาะของฝ่ายเถรวาท บอกไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า "นิพพานเป็นอนัตตา" เช่น ในคัมภีร์พระวินัยปิฎก ปริวารบอกว่า "สังขารทั้งปวงอันปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา นิพพานและบัญญัติเป็นอนัตตา วินิจฉัยมีดังนี้"

ในคัมภีร์พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรคบอกว่า "สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา" และในคัมภีร์พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาตบอกว่า "สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา" ซึ่ง "ธรรม" ในที่นี้พระอรรถกถาจารย์อธิบายต่อว่า "หมายรวมถึงนิพพานด้วย"

นอกจากนี้ ยังมีข้อความในคัมภีร์พระไตรปิฎกอีกหลายแห่งทั้งที่ระบุโดยตรงและโดยอ้อมที่มีนัยบอกว่า "นิพพานเป็นอนัตตา"

คำว่า "อนัตตา" มีความหมายระดับปรมัตถ์ มีนัยที่ต้องไขความต่ออีก โดยเฉพาะในคัมภีร์ชั้นหลังก็จะบอกว่า

"ที่ชื่อว่าเป็นอนัตตา เพราะเกิดขึ้นจากองค์ประกอบต่าง ๆ มาประชุมกัน ไม่มีตัวตนที่เป็นแก่นเป็นแกนอยู่ ไม่มีตัวตนที่คงที่ ไม่มีผู้สร้าง ไม่มีผู้เสวย ไม่มีอำนาจในตัวเอง บังคับให้เป็นไปในอำนาจไม่ได้ แย้งต่ออัตตา"

ขอให้ดูข้อความสีแดงที่ว่า “ไม่อยู่ในอำนาจ คือไม่อยู่ในบัญชาของใคร ใครบังคับไม่ได้ เช่นบังคับมิให้แก่ไม่ได้

ข้อความดังกล่าวนั้น  เอามาจากลักษณะของขันธ์ 5 ที่ว่า ขันธ์ 5 นั้น “ไม่อยู่ในอำนาจ คือไม่อยู่ในบัญชาของใคร ใครบังคับไม่ได้ เช่นบังคับมิให้แก่ไม่ได้” ดังนั้น ขันธ์ 5 จึงเป็นอนัตตา

พวกสมองหมาปัญญาควายโง่แบบเกินบรรยายนี้  เมื่อต้องการจะหาหลักฐานมายืนยันว่า “นิพพานเป็นอนัตตา” ก็ไปเอาข้อความนั้นมาอ้างว่า

“นิพพานก็บังคับไม่ได้” ดังนั้น นิพพานเป็นอนัตตา

อย่างนี้มันบ้าแล้ว  ดันทุลังแบบกู่ไม่กลับแล้ว มันผิดหลักตรรกวิทยาอย่างไม่รู้จะบรรยายอย่างไร  บอกตรงๆ ไม่รู้จะบรรยายความโง่สารพัดโง่ของบุคคลพวกนี้อย่างไร

คนจำพวกนี้ ตายห่าไปแล้ว ตกนรกไม่เหลือแม้แต่คนเดียว อยู่ในผ้าเหลืองก็ทำลายศาสนา ตกนรกก็สมควรกับความเลวระยำจังไรของพวกมันแล้ว








นิพพานเป็นอัตตา มันผิดตรงไหน


เรามาวิพากษ์วิจารณ์ มหาพงศ์นรินทร์กันต่อ  ขอย้ำก่อนว่า ข้อมูลเอามาจากบทความของบล็อก ชื่อ “พระมหาพงศ์นรินทร์ พูดถึงคำสอนที่บิดเบือนของวัดธรรมกาย” 

นอกจากนั้น แล้วผมยังยืนยันอีกว่า มหาพงศ์นรินทร์นี้ ไม่ได้รู้เรื่องของศาสนาอะไรนัก พวกอ่านมา จำได้ แล้วก็ “พ่น” ออกไป แบบไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง

ยิ่งวิชาธรรมกายแล้ว  มหาพงศ์นรินทร์ไม่น่าจะมีความรู้ “ลึก” ที่จะทำให้สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างถูกต้อง และมีเหตุมีผล

ข้อความที่ว่า

เวลานั่งกรรมฐานให้มองลูกแก้วให้เห็นจนชินตา เพื่อเอามาเป็นอารมณ์สมาธิตอนต้น กรรมฐานแนวนี้ มีก่อนพุทธศาสนาเกิด ต่างจากรรมฐานสี่สิบกอง ซึ่งไม่มีตัวตน เมื่อการปฏิบัติเป็นเช่นไร ผลก็เป็นเช่นนั้น

เมื่ออ่านข้อความนี้แล้ว  ต้องขอย้ำข้อเขียนที่เขียนไปแล้ว อีกสักครั้งหนึ่ง คือ

มหาพงศ์นรินทร์นี่ เป็นมหามาได้อย่างไร

ข้อความข้างต้นมันน่าจะเป็นข้อเขียนของคนที่ไม่มีความรู้ แล้วเมายาบ้าด้วย จึงเถียงออกมาแบบบ้าๆ บอๆ  แบบหาเหตุผลไม่ได้

ผมไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนว่า การให้นึกนิมิตเป็นดวงใสมีมาก่อนพระพุทธศาสนา  ยังไม่เคยอ่านพบจากหนังสือเล่มไหน 

อย่างไรก็ดี  สมมุติว่า การนึกนิมิตให้เห็นดวงใสแบบที่วิชาธรรมกายสอนนั้น มีมาก่อนศาสนาพุทธจริงๆ  แล้วมันผิดตรงไหน และผิดอย่างไร

สิ่งที่มีมาก่อนศาสนาพุทธนั้น ในพระไตรปิฎกมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นความจริง พระพุทธองค์ก็ทรงรับมาสอน  เช่น นรก สวรรค์ เป็นต้น

คำสอนเรื่องนรก-สวรรค์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูของศาสนาพุทธคล้ายกันมาก พูดง่ายก็คือ ศาสนาพุทธรับมาจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แต่ก็มีความแตกต่างกันบ้าง หลักการคล้ายกัน

อย่างนั้น เราต้องตัดเรื่องนรก-สวรรค์ออกไปเลยหรือไง

ที่สำคัญเลยก็คือ “ศีล 5”  ศีล 5 นี่มีมาก่อนศาสนาพุทธแน่ๆ อ่านหนังสือพบหลายครั้งแล้ว พระพุทธองค์ก็ทรงรับเข้ามาในศาสนาพุทธ

นี่ถ้าเอาตามหลักการของมหาพงศ์นรินทร์ เราก็คงเลิกนับถือศีล 5 

ข้อความที่ผิดเต็มๆ ก็คือ ข้อความนี้  “ต่างจากรรมฐานสี่สิบกอง”  ตรงนี้ผมถึงกล้าฟันธงว่า มหาพงศ์นรินทร์ไม่เคยปฏิบัติธรรม และไม่มีความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรมแบบวิชาธรรมกายนั้น  เป็นอาโลกสิน เป็นอานาปานสติ และเป็นพุทธานุสสติ เข้าหลักของกรรมฐาน 40 ไปถึง 3 กอง

ข้อความต่อไปที่ว่า

การเอาตัวตนเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เป็นที่มาของการที่ธรรมกายเขาอธิบายว่า นิพพานเป็นอัตตา หรือการใช้คำประโลมโลกจำพวก รวยโคตรๆ นี่เป็นคำกระตุ้นกิเลสตลอดเวลา ทำไมเขาไม่รู้สึกอายที่จะเล่นกับความละโมบของตัวเอง เราไม่ได้บอกว่า เขาถูกหรือผิด แต่ไม่ตรงตามหลักการเดิมของศาสนา

สำหรับข้อความที่วิพากษ์วิจารณ์ธัมมชโยนั้น  ถือว่าเป็นความจริงตามนั้น ผมด่าธัมมชโยแรงกว่ามหาพงศ์นรินทร์ไม่รู้กี่เท่า

เรามาวิพากษ์วิจารณ์ข้อความที่ว่า “เขาอธิบายว่า นิพพานเป็นอัตตา” กัน เพราะ เป็นเรื่องสำคัญ

ผมขอประกาศไปก่อนเลยว่า ถ้าเราไปตั้งคำถามกับพวกสมองหมา ปัญญาควายพวกนี้ว่า “นิพพานเป็นอัตตา” มันผิดตรงไหน อย่างไร

รับรองพวกสมองหมา ปัญญาควายพวกนี้อธิบายไม่ได้แม้แต่คนเดียว  ถึงแม้จะเป็นพระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฎก/พระประยุทธ์ ซึ่งเป็นต้นฉบับการโจมตีแบบนี้เองก็ตาม

คำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น สามารถตีความไปได้ว่า “นิพพานเป็นนิจจัง-สุขัง-อัตตา” ซึ่งเป็นการอธิบายที่ถูกต้องตรงเผงแล้ว ไม่ผิดอะไรเลย

คำว่า “นิจจัง-สุขัง-อัตตา” เป็นคำคุณศัพท์ ที่บรรยายสภาพของนิพพาน  ก็ถูกต้องตามพระไตรปิฎกอยู่แล้ว 

ข้อความที่ว่า “นิพพานเป็นนิจจัง-สุขัง” ทุกคนยอมรับหมด แม้กระทั่งพระประยุทธ์ก็ยอมรับ

ความไม่ชอบมาพากลของพระประยุทธ์ก็คือ  ไปหยิบเอาคำว่า “อัตตา” มาแปลใหม่ ให้ไปตรงกับคำว่า “อัตตตา” ซึ่งเป็นคำนาม

อันที่จริงมันก็ไม่น่าจะผิดพลาดกันมาก ซึ่งในทางภาษาศาสตร์จริงๆ ความหมายมันก็ไม่ต่างกันมากนัก ถ้าตีความด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ต้องขออธิบายความหมายของคำว่า “อัตตตา” ซึ่งเป็นคำนามกันก่อน 

ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเขาเชื่อว่า ในร่างกายเรามี “อัตตตา” ตัวเล็กๆ อยู่  เจ้า “อัตตตา” ตัวนี้ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร  เมื่อตายไปแล้ว ก็ไปหาร่างกายใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนั้น

เมื่อสร้างบารมีครบแล้ว “อัตตตา” ก็จะเข้าไปอยู่กับมหาพรหมัณ ซึ่งเป็น “อัตตตาใหญ่

ความเชื่อดังกล่าว มันขัดกับหลัก “อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา” ของศาสนาพุทธ

จะเห็นว่า  การที่พระพรหมคุณาภรณ์/พระธรรมปิฎก/พระประยุทธ์เปลี่ยนความหมายของคำ “อัตตา” ของหลวงพ่อวัดปากน้ำให้ผิดๆ

แล้วเอามาโจมตีหลวงพ่อวัดปากน้ำ จึงเป็นเรื่องที่พระดีๆ เขาไม่ควรจะทำกัน






กรรมฐานแบบธรรมกายไม่มีในพระไตรปิฎก



เรามาวิพากษ์วิจารณ์ มหาพงศ์นรินทร์กันต่อ  ขอย้ำก่อนว่า ข้อมูลเอามาจากบทความของบล็อก ชื่อ “พระมหาพงศ์นรินทร์ พูดถึงคำสอนที่บิดเบือนของวัดธรรมกาย” 

นอกจากนั้น แล้วผมยังยืนยันอีกว่า มหาพงศ์นรินทร์นี้ ไม่ได้รู้เรื่องของศาสนาอะไรนัก พวกอ่านมา จำได้ แล้วก็ “พ่น” ออกไป แบบไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง

ยิ่งวิชาธรรมกายแล้ว  มหาพงศ์นรินทร์ไม่น่าจะมีความรู้ “ลึก” ที่จะทำให้สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างถูกต้อง และมีเหตุมีผล

ข้อความที่ว่า

แล้วอ้างว่า วิชาธรรมกายเป็นกรรมฐาน ที่เรียกว่า แต่งเป็นนิทานเลยว่า เคยเกิดขึ้นแล้วหายไป แล้วก็ค้นพบใหม่โดยหลวงพ่อสด แต่ศิษย์สายหลวงพ่อสดโดยตรงยืนยันว่า สิ่งที่ธรรมกายสอนอยู่มันไม่ใช่

เราไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเหมือนเขา เราไม่บอกว่า เหมือนหรือต่าง แต่สรุปว่า วิชชาธรรมกายเป็นศัพท์บัญญัติใหม่ วิชากรรมฐานแบบนี้ มีหรือไม่ในพระไตรปิฎก ยืนยันว่า ไม่มึ

ในการวิพากษ์วิจารณ์ตรงนี้ ต้องเลือกมาอธิบายโดยไม่เรียงลำดับ  ขอเลือกข้อความนี้ก่อน

“เราไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเหมือนเขา เราไม่บอกว่า เหมือนหรือต่าง

ผมไม่ค่อยเต็มใจที่กล่าวว่าคำว่า “มีความฉลาดเป็นลบ” กับพระเท่าไหร่นัก  แต่สำหรับมหาพงศ์นรินทร์ ต้องถือเป็นข้อยกเว้น

มหาพงศ์นรินทร์นี่ มีความฉลาดเป็นลบจริงๆ มากเสียด้วย

ในทางวิชาการนี่ ถ้าเราไม่รู้อะไร ก็ไม่ควรจะที่วิพากษ์วิจารณ์ เพราะ มันเป็นความโง่งี่เง่าสุดๆ  คนฟัง คนอ่านเขาจะไปเชื่อท่านได้อย่างไร 

ก็ท่านบอก “ไม่รู้”  แล้วท่านมาวิจารณ์ทำไม  ในเมื่อไม่รู้แล้ววิจารณ์ คำวิจารณ์มันก็ต้องเป็นคำวิจารณ์ที่งี่เง่าสมองหมาปัญญาควายเท่านั้น

วิชากรรมฐานแบบนี้ มีหรือไม่ในพระไตรปิฎก ยืนยันว่า ไม่มี

ผมไม่มีเวลาที่จะไปตรวจสอบว่า มหาพงศ์นรินทร์ปฏิบัติธรรมบ้างหรือเปล่า  แต่จากการอ่านคร่าวๆ มหาพงศ์นรินทร์ไม่น่าจะเป็นพระปฏิบัติธรรม  ท่านเป็นพุทธเชิงคัมภีร์ หรือพระปริยัติเท่านั้น

การที่ท่านกล่าวยืนยันว่า “ไม่มีการปฏิบัติธรรมแบบวิชาธรรมกายในพระไตรปิฎก” มันก็เป็นการแสดงความงี่เง่าเกินบรรยาย

ท่านไม่มีความรู้ในการปฏิบัติธรรม วิชาธรรมกายไม่เคยศึกษา แล้วกล้าปฏิเสธว่าไม่มีในพระไตรปิฎกได้อย่างไร

แล้วท่านก็ไม่บอกเสียด้วยว่า “ไม่มีอย่างไร

คำโจมตีนี้ ก็เหมือนพวกสมองหมา ปัญญาควายที่ชอบเห่าหอนตามเว็บทั่วไป คือ พูดว่าวิชาธรรมกายไม่มีในพระไตรปิฎก แต่ไม่มีหลักฐานว่า  “ไม่มีอย่างไร

ตรงนี้ขออธิบายเรื่องปฏิบัติธรรมในพระไตรปิฎกกันก่อน เพื่อเป็นการปูพื้นฐาน

สายปฏิบัติธรรมในประเทศไทยที่เป็นที่รู้จักกัน ก็มีสายหลักๆ 4 สาย ดังนี้

1- สายพุทโธ
2- สายสัมมาอะระหัง
3- สายพระพม่า เช่น ยุบหนอพองหนอ นามรูป โกเอ็นก้า เป็นต้น
4- สายนะมะพะทะ

การปฏิบัติธรรมของสายพุทโธ คือ ท่องพุทโธ เอาใจไปจับลมหายใจที่จมูก สายวิชาธรรมกายนึกให้เห็นนิมิตที่ฐานที่ 7  ท่องสัมมาอะระหัง  สายยุบหนอพองหนอ ดูท้องยุบพอง ท่องยุบหนอพองหนอ สายนะมะพะทะ ก็ท่องตามชื่อเลย

การปฏิบัติธรรมที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น “ไม่มีปรากฏในพระไตรปิฎกทั้งสิ้น

ถ้าใช้เกณฑ์ของมหาพงศ์นรินทร์ คือ อันไหนไม่มีในพระไตรปิฎก ก็อย่าไปปฏิบัติ อย่าไปเชื่อ ก็ไม่ต้องปฏิบัติธรรมกันแล้วชาตินี้

การที่จะ “ตัดสิน” ว่า การปฏิบัติธรรมแบบไหนมีหรือไม่ในพระไตรปิฎก ต้องใช้ “การตีความ” ไม่ใช่บ้าไปจับเป็นคำๆ อย่างพวกสมองหมา ปัญญาควายทำกัน

ต่อไป ขอให้ดูตัวอย่างการปฏิบัติธรรมเบื้องต้นตามวิดิโอที่เสนอไปด้านบน  และการปฏิบัติธรรมชั้นสูง คือ การทำวิชา 3 ของวิชาธรรมกายด้านล่างนี้เลย







ข้อมูลดังกล่าวมาจากหนังสือ “มรรคผลพิสดาร 2” ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ เป็นการจดแบบสั้นๆ ถ้าต้องจะอ่านให้รู้เรื่องต้องไปอ่านเล่ม “แนวเดินวิชชามรรคผลพิสดาร 2” ของคุณลุงการุณย์ บุญมานุช

หนังสือแนวเดินวิชชามรรคผลพิสดาร 2 นั้น เป็นการนำเอาหนังสือ “มรรคผลพิสดาร 2” ของหลวงพ่อวัดปากน้ำมาขยายความว่า ต้องทำอย่างไร

โดยสรุป มหาพงศ์นรินทร์นั้น เป็นพระที่มีความฉลาดเป็นลบอีกรูปหนึ่ง หลักฐานก็จากข้อเขียนของท่านเองที่ว่า ท่าน “ไม่รู้”  แต่ท่านวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ท่านไม่รู้